“ศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์”ซีอีโอIFEC” เตรียมยื่นร้องต่อศาลอาญาฟ้องกลับผู้ถือหุ้นใหญ่IFEC ฐานมีเจตนากลั่นแกล้งฟ้องร้องหวังให้ต้องโทษถึงขั้นติดคุก หลังศาลฐานพิพากษายกฟ้องทุกข้อกล่าวหาทางอาญา
วันที่ 13 ส.ค. นายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร(CEO) บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC เปิดเผยว่า เตรียมจะร้องขอความเป็นธรรมต่อศาลอาญา หลังเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2561 ศาลฯพิพากษายกฟ้องกรณีถูกผู้ถือหุ้นใหญ่IFECรายหนึ่ง ยื่นฟ้องร้องต่อศาลโดยมีเจตนาให้ร้ายเพื่อหวังให้รับโทษทางอาญา โดยกล่าวหาว่าแจ้งข้อความเท็จต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และกระทำผิดตามพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 กรณีเกี่ยวข้องกับการเลื่อนประชุมคณะกรรมการบริษัทIFEC และเกี่ยวข้องกับการกำหนดวันนัดประชุมคณะกรรมการฯ รวมทั้งกล่าวหาว่าร่วมกระทำผิดพ.ร.บ.บริษัทมหาชนกรณีจัดประชุม IFECเลยระยะเวลา 4 เดือนตามกฎหมายกำหนด
นายศุภนันท์ กล่าวว่า ศาลอาญายกฟ้องหลังพิเคราะห์ข้อเท็จจริงแล้วพบว่า ข้อความเรื่องผลการประชุมคณะกรรมการฯที่นายศุภนันท์ร่วมประชุมด้วย และเป็นข้อความที่ประธานกรรมการบริษัทรายงานไปยังตลาดหลักทรัพย์ฯเป็นข้อมูลจริง อีกทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯถือเป็นองค์กรทางธุรกิจ ไม่ใช่เจ้าพนักงานตามกฎหมาย รวมทั้งเอกสารข้อมูลการประชุมที่รายงานไปไม่ใช่เอกสารที่ต้องห้ามตามกฎหมาย ดังนั้น จึงไม่ถือว่าเป็นการรายงานข้อมูลอันเป็นเท็จไปยังเจ้าพนักงาน
นอกจากนั้น ศาลอาญายังเห็นว่า นายศุภนันท์ไม่ได้กระทำผิดพ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ กรณีถูกกล่าวหาเกี่ยวข้องกับการกำหนดวันนัดประชุมคณะกรรมการฯ เพราะการนัดหมายครั้งนั้นประธานกรรมการบริษัท ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการฯให้กำหนดวันนัดประชุม อีกทั้งก่อนการประชุมประธานฯได้ทำเรื่องหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์ฯเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งศาลฯยังเห็นว่า นายศุภนันท์ไม่ได้ร่วมกระทำผิดพ.ร.บ.บริษัทมหาชนกรณีจัดประชุมเลยระยะเวลา 4 เดือนตามกฎหมายกำหนด เนื่องจากประธานฯได้ทำเรื่องหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์ฯก่อนการปฏิบัติ
“การกล่าวหาเท็จว่ากระทำความผิดต่อศาลอาญา แสดงเจตนาว่าคนที่ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาต้องการให้ผมได้รับโทษทางอาญาซึ่งมีโทษขั้นสูงสุดถึงติดคุก เมื่อความจริงปรากฏด้วยคำพิพากษาของศาล ผมจึงต้องร้องขอความเป็นธรรมและปกป้องชื่อเสียงของตัวเอง จึงจะร้องขอต่อกระบวนการยุติธรรมให้ลงโทษผู้ที่กล่าวหาด้วยข้อความอันเป็นเท็จ” นายศุภนันท์ กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IFEC ยังตั้งข้อสังเกตว่า ในคดีที่ตัวเขาถูกผู้ถือหุ้นใหญ่IFECกล่าวหาเท็จ มีความไม่ชอบมาพากลหลายอย่าง โดยเฉพาะการยื่นต่อศาลขอถอนฟ้องกรรมการ IFEC 2 คน ออกจากคดีในภายหลัง ซึ่งสอดคล้องกับความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงบางอย่างในIFEC ซึ่งทำให้มองได้ว่า กรรมการทั้ง 2 ท่านอาจมีความเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ร่วมกับผู้ถือหุ้นใหญ่คนที่เป็นโจทก์ฟ้องเท็จ
“สิ่งที่สงสัย คือผู้ที่ฟ้องยื่นฟ้องจำเลยมา 4 คน แต่จงใจถอนฟ้องออกไป 2 คน ไม่ทราบว่ามีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไรบ้าง ”ประธานเจ้าหน้าที่บริหารIFEC กล่าวทิ้งท้าย